สำหรับชาวเกษตรกรมือใหม่ วันนี้เราจะมาเสนอวิธีการหารายได้เสริมให้กับครอบครัวโดยการเลี้ยงหอยขมกันค่ะ ในปัจจุบันนี้หอยขมกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก เพราะเนื้อของหอยขมสามารถนำไปอาหารได้หลากหลายเมนู เวลาเคี้ยวจะสัมผัสได้ถึงความเหนียวหนึบๆ มันๆ หอยขมเป็นสัตว์น้ำที่ให้คุณค่าทางอาหารมีทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ช่วงที่หากินได้ง่ายก็คือช่วงฤดูฝน
แต่ทุกวันนี้หอยขมตามแหล่งธรรมชาติหาได้ยาก และเสี่ยงได้รับอันตรายจากสารเคมีตกค้างจากการทำนา เพราะฉะนั้นหากเราเลี้ยงหอยขมเองได้ก็ไม่ต้องมากังวลถึงอันตรายเรื่องของสารเคมี ซึ่งการเลี้ยงหอยขมที่เราจะนำเสนอนี้ เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ และมีต้นทุนต่ำด้วย
การเลี้ยงหอยขมในถุงตาข่ายไนลอนสีฟ้า มีขั้นตอนที่ง่ายมากๆ เริ่มต้นให้นำตาข่ายไนลอนสีฟ้ามาตัดและเย็บเป็นถุง ที่มีขนาดกว้าง 1 เมตรยาว 2 เมตร จากนั้นให้นำก้านมะพร้าว ที่ตัดไว้ความยาวพอดีกับถุงใส่ลงไป 2-3 ก้าน ตามด้วยใบกล้วยที่เกือบจะแห้งใส่ลงไป 2-3ใบ แล้ว
จึงใส่พ่อพันธ์หอยขมลงไป ถุงหนึ่งก็ประมาณ 20 ถึง 30 ตัว เนื่องจากหอยขมจะมีทั้งเพศผู้และเพศเมียในตัวเดียวกัน เราจึงไม่ต้องใส่พ่อพันธุ์ลงไปมาก เผื่อเวลาที่หอยออกลูกมาเยอะๆ ลูกหอยจะได้มีที่เกาะ เมื่อใส่หอยลงไปในถุงเสร็จแล้ว ก็นำของไปผูกห้อยไว้กับหลักไม้ที่ทำไว้ในสระหรือร่องน้ำ โดยจะต้องให้ปากถุงโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเล็กน้อยเพื่อที่หอยจะได้ขึ้นมาหายใจได้ ทิ้งไว้อย่างนั้น ประมาณ 2-3 เดือน
ก็สามารถเริ่มเก็บคัดตัวได้ขนาดไปขาย โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารเพราะหอยจะกินซากเน่าเปลื่อยของใบกล้วยและทางมะพร้าว แต่ถ้าคุณอยากให้หอยโตเร็วและมีเนื้อเยอะ มีเคล็ดลับคือให้นำอาหารปลามาผสมกับข้าวเหนียวที่หุงสุก แล้วปั้นเป็นก้อนๆหย่อนลงไปในถุงตาข่ายให้หอยกิน
โดยเฉลี่ยหอยขมหนึ่งตัวจะให้ลูก 18 ถึง 20 ตัวต่อสัปดาห์ ซึ่งถ้าเราปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาสามเดือน สามารถเก็บหอยที่ได้ขนาดไปขายได้ทุกสัปดาห์ และในถุงตาข่ายจะเก็บหอยออกมาขายได้ 3-5 กิโลกรัม ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ กิโลกรัมละ 35-40 บาท
ในการรับประทานหอยขมเราจะต้องนำมาทำให้สุกก่อน เพราะหอยขมมีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ ซึ่งเมื่อเรากินเข้าไปแล้วตัวพยาธิใบไม้สามารถเจริญเติบโตได้ในคน เมนูที่นิยมนำหอยขมมาทำอาหารรับประทานกัน คือ แกงคั่วหอยคมใส่ใบชะพลู ลาบหอยขม หอยนึ่งจิ้มกับน้ำจิ้ม หรือมากินแกล้มกับส้มตำเป็นต้น
สนับสนุนโดย เวปยูฟ่าเบท